วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2555

                  หนังสืออ่านนอกเวลา
 เป็นหนังสือที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนดไว้ในหลักสูตรวิชาภาษาไทย ให้นักเรียนตั้งแต่ ป.1 - ม.6 อ่านเพื่อปลูกฝังนิสัยรักการอ่านและพัฒนาการอ่านของตัวเอง แต่เนื้อหาจะมาเป็นหนังสือเรียนอ่านไปหลับไปก็ไม่ใช่เรื่อง ดังนั้นหนังสืออ่านนอกเวลาส่วนใหญ่จะเป็นประเภทเรื่องสั้น นวนิยาย ที่อ่านสนุก ให้แง่คิดและเนื้อหาดี ซึ่งหลายๆ คนจะชอบมาก ส่วนตัวพี่มิ้นท์เองก็ชอบมากๆ เช่นกัน และมีหนังสือในดวงใจหลายเล่ม โดยเฉพาะ "แมงมุมเพื่อนรัก" \0/


เล่มแรก : แมงมุมเพื่อนรัก (อี.บี.ไวท์)
เด็กดีดอทคอม :: "หนังสืออ่านนอกเวลา" ในตำนานที่เด็กไทยต้องรู้จัก??
             น่าจะเป็นหนังสือเรื่องแรกที่อ่านแล้ววางไม่ลงแถมยังทำให้น้ำตาซึมๆ เกือบทุกตอนเลย ตัวละครหลักในเรื่องคือ แมงมุม(ชาร์ล็อต) สัตว์ที่มีหน้าตาน่าเกลียดแต่จิตใจดี และหมู(วิลเบอร์) สัตว์ผู้โชคร้าย เกิดมาก็เกือบถูกฆ่าแถมยังไม่มีเพื่อนอีก ถึงแม้ชาร์ล็อตและวิลเบอร์จะเป็นสัตว์คนละสปีชี่กัน แต่มิตรภาพก็ไม่อาจขวางกั้นได้ จนวันนึงเจ้าหมูวิลเบอร์จะถูกฆ่าเพื่อเป็นอาหารในวันคริสมาต์ ชาร์ล็อตจึงพยายามช่วยเหลือด้วยการพยายามทอใยแมงมุมให้เป็นคำที่มีความหมายต่างๆ เพื่อบ่งบอกว่าเจ้าหมูตัวนี้เป็นหมูพิเศษ จนวิลเบอร์รอดพ้นจากการถูกฆ่า แต่สุดท้ายชาร์ล็อตก้ต้องตายเสียเอง
              แมงมุมเพื่อนรักเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาของมัธยมต้น ได้รับการแปลถึง 23 ภาษา และยังเป็นหนังสือที่มียอดตีพิมพ์สูงมากก ดังนั้นอย่าแปลกใจถ้าหนังสือเล่มนี้มีหน้าปกหลายแบบ นอกจากนี้ยังได้รับการยกย่องจากนิตยสาร TIME ว่าเป็นหนังสือเด็กที่ดีที่สุดแห่งศตวรรษอีกด้วย



เล่มที่สอง : นิกกับพิม (ว.ณประมวญมารค)
เด็กดีดอทคอม :: "หนังสืออ่านนอกเวลา" ในตำนานที่เด็กไทยต้องรู้จัก??
             เป็นนวนิยายที่น่ารักน่าชังอีกเรื่องนึงเลยค่ะน้องๆ โดยนิกกับพิมเป็นชื่อของสุนัข นิกเป็นสุนัขพันธุ์บ็อกเซอร์ เพศผู้ เจ้าของคือพิเชฐ ส่วนพิมเป็นสุนัข พันธุ์พุดเดิ้ล เพศผู้เช่นกัน เจ้าของเป็นหญิงสาวงามชื่อมนทิรา ทั้งสองพบกันที่ร้านขายสัตว์เลี้ยงที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พิเชฐตกหลุมรักมนทิราตั้งแต่แรกเห็น จึงพยายามทำความรู้จักกัน จนกระทั่งพิเชฐต้องกลับเมืองไทยเพราะเจอเหตุการณ์ที่ทำให้เขาผิดหวัง โดยได้เอานิกกลับไปด้วย แต่ทั้งคู่ไม่ได้ร่ำลากัน ต่อมาทั้งคู่ติดต่อกันได้อีกครั้ง ผ่านจดหมายไปมาข้ามประเทศ แต่ความน่ารักอยู่ที่ตัวละครได้ถ่ายทอดเรื่องราวโดยใช้นิกกับพิมเป็นตัวเล่าเรื่องแทน ซึ่งขอบอกว่าจดหมายแต่ละฉบับที่่ส่งถึงกันทั้งน่ารัก น่าติดตาม และมีมุขสอดแทรกให้ขำทั้งเรื่องเลยล่ะค่ะ
            นอกจากการลุ้นไปกับความรักของพิเชฐกับมนทิราแล้ว น้องๆ จะได้เห็นมุมมองของผู้เขียนที่พยายามมองคนในมุมมองของสุนัข ซึ่งบางทีอ่านๆ ไปก็จะรู้สึกว่า เฮ้ย! คนเป็นแบบนี้จริงๆ ด้วย นอกจากนี้ก็ยังได้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องสุนัขอีกด้วย



เล่มที่สาม : อยู่กับก๋ง(หยก บูรพา)
เด็กดีดอทคอม :: "หนังสืออ่านนอกเวลา" ในตำนานที่เด็กไทยต้องรู้จัก??
            อยู่กับก๋งเป็นนวนิยายที่เคยหยิบมาทำเป็นละครแล้วด้วยนะคะน้องๆ แต่ถ้าใครเคยดูแล้วก็แนะนำให้อ่านตัวหนังสือด้วย เพราะจะให้ความรู้สึกกันคนละแบบค่ะ
            อยู่กับก๋งเป็นนวนิยายที่แต่งจากเรื่องจริงสะท้อนเรื่องราวของคนจีนที่มาอยู่ในประเทศไทย และมีหยกเป็นตัวละครวัยสิบสามปี ซึ่งเป็นเด็กกำพร้าที่ก๋งอุปการะไว้ ทั้งคู่อาศัยอยู่ในห้องแถวเล็กๆ มีฐานะยากจน อาชีพหลักของก๋งคือช่างฝีมือ ส่วนหยกนั้นก็จะรับจ้างเล็กๆ น้อยๆ ถ้ามีโอกาส
            หยกเคยสงสัยว่าทำไมตัวเองถึงไม่มีพ่อแม่เหมือนเด็กคนอื่นๆ ก๋งได้แต่ตอบว่าเดี๋ยวโตขึ้นจะเล่าให้ฟัง แต่หยกยังเฝ้าถามเรื่อยๆ จนก๋งต้องย้อนถามกลับไปว่า ทำไมต้องถามถึงพ่อกับแม่ อยู่กับก๋งไม่มีความสุขหรือ? หลังจากนั้นหยกก็ได้พบเด็กกำพร้าที่ถูกทิ้งไว้ จึงเข้าใจว่ายังมีเด็กโชคร้ายอีกมากและตัวเขาเองมีก๋งให้ความรักอยู่ทุกวันนี้ก็ดีที่สุดแล้ว
             หนังสือเล่มนี้ยังได้สะท้อนค่านิยมและความเชื่อของคนจีนไว้ด้วย รวมถึงแง่คิดที่เป็นประโยชน์ในชีวิต เช่น ความพยายาม ความอดทน การปรับตัว การเป็นคนดี ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นหนทางที่ทำให้เรามีความสุขและความสำเร็จ นับว่าเป็นนวนิยายที่ให้แง่คิดได้ดีทีเดียวค่ะ



เล่มที่สี่ : ความสุขของกะทิ(งามพรรณ เวชชาชีวะ)
เด็กดีดอทคอม :: "หนังสืออ่านนอกเวลา" ในตำนานที่เด็กไทยต้องรู้จัก??
             นวนิยายน้ำดี ที่ได้รางวัลซีไรต์เมื่อปี 2549 เป็นหนังสืออ่านนอกเวลาที่หลายโรงเรียนให้อ่านในช่วงหลังๆ หลายคนก็น่าจะมีโอกาสได้อ่านกันไปบ้างแล้วใช่มั้ยคะ :D
             ความสุขของกะทิ เป็นเรื่องราวของเด็กหญิงกะทิ วัย 9 ขวบที่มาอาศัยอยู่กับตาและยายในบ้านริมคลอง กะทิได้รับการเลี้ยงดูอย่างอบอุ่นจากคนที่อยู่รอบตัว โดยที่กะทิเองไม่เคยรู้เรื่องราวเกี่ยวกับพ่อแม่เลย จนกระทั่งวันนึง กะทิต้องพบความจริงว่าแม่ของตัวเองเป็นโรคร้ายแรงและกำลังจะจากไป แม้ว่ากะทิจะต้องเศร้าเสียใจแค่ไหน แต่คนรอบข้างของกะทิก็ยังให้ความรักและเอาใจใส่เป็นอย่างดี จนกะทิเข้มแข็งและกลับมามีความสุขอีกครั้ง
               นวนิยายเรื่องนี้ทำให้น้องๆ เห็นมุมมองของเด็กตัวเล็กๆ คนนึงที่ต้องเจอกับเรื่องร้ายๆ แต่ความอบอุ่นของครอบครัวที่เรารักก็เป็นยาที่ดีที่สุดที่จะทำให้จิตใจเรากลับมาเข้มแข็งได้อีกครั้ง อ่านไปก็เตรียมพกทิชชู่ไว้ข้างๆ ได้เลยค่ะน้องๆ



เล่มที่ห้า : เรื่องของน้ำพุ (สุวรรณี สุคนธา)
เด็กดีดอทคอม :: "หนังสืออ่านนอกเวลา" ในตำนานที่เด็กไทยต้องรู้จัก??
             เรื่องของน้ำพุ เป็นนวนิยายที่มีเรื่องราวจากชีวิตจริงของครอบครัว สุวรรณี สุคนธา โดยน้ำพุเป็นชื่อของลูกชายวัยรุ่นซึ่งติดยาเสพติดและพยายามจะเลิกด้วยการไปเลิกยาที่ถ้ำกระบอก
             ครอบครัวของน้ำพุแตกแยก พ่อกับแม่ทะเลาะกันจนถึงขั้นแยกทางกัน น้ำพุเริ่มลองยาเสพติดระหว่างปีสุดท้ายของการเรียน ยิ่งเมื่อแม่มีสามีคนใหม่ เขาจึงรู้สึกแปลกแยกจากกครอบครัว จึงติดยาหนักขึ้นและใช้ยาแรงขึ้นจนกระทั่งถึงเฮโรอีน ภายหลังได้สารภาพว่าติดจึงไปเลิกยา แต่เมื่อเขากลับมา กลับไม่ได้รับการต้อนรับอย่างที่หวัง จึงกลับไปหายาเสพติดอีกครั้ง และก็ถึงคราวที่น้ำพุต้องถึงจนจบเพราะยาเสพติดจริงๆ
            เรื่องนี้ได้สะท้อนให้เห็นปัญหาของวัยรุ่นที่เกิดจากปัญหาครอบครัว ซึ่งผู้เขียนก็ได้พยายามถ่ายทอดชีวิตจริงให้ออกมาเป็นอุทาหรณ์สอนใจ เป็นอีกเรื่องที่พี่มิ้นท์อยากให้น้องๆ อ่านเช่นกันค่ะ

                 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น